Skip to content
Bambu Lab มีกี่รุ่น แตกต่างกันยังไง ควรใช้รุ่นไหน

Bambu Lab มีกี่รุ่น แตกต่างกันยังไง ควรใช้รุ่นไหน

Bambu Lab เป็นแบรนด์ 3D Printer ที่โดดเด่นเรื่องการพัฒนาฟีเจอร์ และระบบการใช้งาน เพื่อตอบโจทย์การใช้งานของผู้ใช้มากที่สุด โดยทางผู้บริหารคิดเรื่องการทำงานว่า "หากเราเป็นผู้ใช้ แล้วไม่มีความรู้ จะต้องทำอะไร หรือต้องการคำแนะนำแบบไหน" ดังนั้นหลักการออกแบบ หน้าจอการทำงาน ข้อมูลต่างๆ จะอิงจากการใช้งานทั้งสิ้น (บางรุ่นก็อาจมีข้อจำกัดการแสดงผล ก็มีเท่าที่จะแสดงและช่วยเหลือได้) รุ่นที่ทางบริษัทฯ มีจำหน่ายก็จะเริ่มตั้งแต่คนทั่วไป ราคาย่อมเยาไม่เกิน 1 หมื่นบาท จนไปถึงเครื่องระดับกึ่งมืออาชีพ อุตสาหกรรม ที่มีฟีเจอร์ครบครัน แต่ยังคงราคาที่ไม่สูงเกินไป โดยรุ่นปัจจุบันที่มีจำหน่ายได้แก่ (ข้อมูลปี 2024) 

Interview with Bambu Lab CEO

 

Bambu Lab A Series

Bambu Lab A1  ในซีรีส์ “A” ที่มาพร้อมความเร็วการพิมพ์โดดเด่นและราคาประหยัดกว่าเครื่องรุ่นสูง เหมาะกับผู้ใช้งานตั้งแต่ระดับเริ่มต้นไปจนถึงระดับกลางที่ต้องการคุณสมบัติและประสบการณ์การใช้งานแบบ Bambu Lab แต่ไม่จำเป็นต้องมีฟีเจอร์ระดับไฮเอนด์ (เช่น LIDAR หรือ Chamber ปิดเต็มรูปแบบ) หากต้องการพิมพ์วัสดุขั้นสูง หรือต้องการสภาพแวดล้อมควบคุมอุณหภูมิแบบเต็มที่ ก็อาจต้องอัปเกรดไปเป็น P1S หรือ X1C ตามความเหมาะสม

A1 Mini 

เครื่องเริ่มต้นของ Bambu Lab ที่มีโครงสร้างกระทัดรัด แต่ยังคงฟีเจอร์ที่เป็นจุดเด่นของตัวเองไว้ครบครัน ทั้งระบบ Auto Calibration, Multi Materials และระบบ Cloud

  1. ขนาดพื้นที่การพิมพ์ (Build Volume)
    • ประมาณ 180 × 180 × 180 มม.
    • เหมาะกับงานโมเดลขนาดเล็ก–กลาง ชิ้นส่วนอะไหล่ หรือของตกแต่ง
  2. ความเร็วในการพิมพ์
    • สูงสุด 300 mm/s 
    • อัตราเร่งสูงสุด 20,000 mm/s2
  3. อุณหภูมิหัวฉีดและฐานพิมพ์
    • หัวฉีด (Nozzle) ทำอุณหภูมิได้ 300 °C
    • ฐานพิมพ์ (Heated Bed) ทำอุณหภูมิได้ 80°C
    • รองรับวัสดุพื้นฐานหลากหลาย เช่น PLA, PETG, TPU และอาจรวมถึง ABS (ต้องการอะไรมาคลุมเพื่อควบคุมความร้อนขณะพิมพ์)
  4. ระบบปรับระนาบฐาน
    • อัตโมมัติ
  5. การเชื่อมต่อ
    • Wifi, Micro SD Card, Bambu Cloud
  6. รองรับระบบหลายวัสดุ AMS Lite

 A1 Mini Combo

A1

เครื่องที่คุ้มค่าที่สุดของ Bambu Lab โครงสร้างสไตล์ Bed Slinger (ฐานเลื่อนเข้า-ออก) มีระบบเปิด (Open Chamber) พื้นที่พิมพ์มากกว่าตัว Mini และฐานทำความร้อนได้สูงกว่า ซึ่งหากปรับปรุงการคุมความร้อนภายในขณะพิมพ์งาน จะสามารถปริ้นวัสดุวิศวกรรมบางตัวเช่น ABS ASA ได้เช่นเดียวกัน

  1. ขนาดพื้นที่การพิมพ์ (Build Volume)
    • ประมาณ 256 × 256 × 256 มม.
    • เหมาะกับงานโมเดลขนาด กลาง ชิ้นส่วนอะไหล่ หรือของตกแต่ง
  2. ความเร็วในการพิมพ์
    • สูงสุด 300 mm/s 
    • อัตราเร่งสูงสุด 20,000 mm/s2
  3. อุณหภูมิหัวฉีดและฐานพิมพ์
    • หัวฉีด (Nozzle) ทำอุณหภูมิได้ 300 °C
    • ฐานพิมพ์ (Heated Bed) ทำอุณหภูมิได้ 100°C
    • รองรับวัสดุพื้นฐานหลากหลาย เช่น PLA, PETG, TPU และอาจรวมถึง ABS (ต้องการอะไรมาคลุมเพื่อควบคุมความร้อนขณะพิมพ์)
  4. ระบบปรับระนาบฐาน
    • อัตโมมัติ
  5. การเชื่อมต่อ
    • Wifi, Micro SD Card, Bambu Cloud
  6. รองรับระบบหลายวัสดุ AMS Lite

 A1 Combo

Bambu Lab P Series

Bambu Lab P Series เป็นลำดับถัดมา ซึ่งในยุคแรกจะเป็นตัว P1P แต่ปัจจุบันจะเป็น P1S ขึ้นไป เป็นเครื่องที่มพื้นที่ปิด ปรับปรุงระบบขับเส้นให้รองรับวัสดุมากขึ้น ถึงแม้ตัว P Series จะได้ได้รองรับคอมโพสิตเต็มรูปแบบ แต่ก็มีทั้งชุดอุปกรณ์อีพเกรดจากทั้งแบมบูแลปเอง หรือ 3rd Party ออกมาให้เลือกใช้กันมากมาย

P1S

  1. ขนาดพื้นที่การพิมพ์ (Build Volume)
    • ประมาณ 256x256x256 มม.
    • เหมาะกับงานโมเดลขนาดกลาง ชิ้นส่วนอะไหล่ หรือของตกแต่ง
  2. ความเร็วในการพิมพ์
    • สูงสุด 300 mm/s 
    • อัตราเร่งสูงสุด 20,000 mm/s2
  3. อุณหภูมิหัวฉีดและฐานพิมพ์
    • หัวฉีด (Nozzle) ทำอุณหภูมิได้ 300 °C
    • ฐานพิมพ์ (Heated Bed) ทำอุณหภูมิได้ 100°C
    • รองรับวัสดุทั่วไปและวิศวกรรม เช่น PLA, PETG, TPU, ABS, ASA, PET
      PC, PA,Carbon Fiber reinforce, Glass Fiber reinforce
  4. ระบบปรับระนาบฐาน
    • อัตโมมัติ 
  5. การเชื่อมต่อ
    • Wifi, Micro SD Card, Bambu Cloud
  6. รองรับระบบหลายวัสดุ AMS 

P1S Combo

Bambu Lab X Series

Bambu Lab X Series ถือว่าเป็นรุ่นบนสุดของแบมบู ที่ใส่เทคโนโลยีทุกอย่างมาทั้งหมดในปัจจุบัน ทั้ง Full Auto Calibration การตรวจสอบ Image Processing ของกล้องติดตามร่วมกับ Lidar Sensor รองรับวัสดุวิศวกรรมและอุตสาหกรรมครบครัน

X1C

  1. ขนาดพื้นที่การพิมพ์ (Build Volume)
    • ประมาณ 256 × 256 × 256 มม.
    • เหมาะกับงานโมเดลขนาด กลาง ชิ้นส่วนอะไหล่ หรือของตกแต่ง
  2. ความเร็วในการพิมพ์
    • สูงสุด 300 mm/s 
    • อัตราเร่งสูงสุด 20,000 mm/s2
  3. อุณหภูมิหัวฉีดและฐานพิมพ์
    • หัวฉีด (Nozzle) ทำอุณหภูมิได้ 300 °C
    • ฐานพิมพ์ (Heated Bed) ทำอุณหภูมิได้ 100°C
    • รองรับวัสดุพื้นฐานหลากหลาย PLA, PETG, TPU, ABS, ASA, PET
      PC, PA,Carbon Fiber reinforce, Glass Fiber reinforce
    • ใช้เฟืองขับเส้นที่เป็นเหล็กชุบแข็ง ทนทานต่อวัสดุวิศวกรรม
  4. ระบบปรับระนาบฐาน
    • อัตโมมัติ พร้อม Lidar Sensor
  5. การเชื่อมต่อ
    • Wifi, Micro SD Card, Bambu Cloud
  6. รองรับระบบหลายวัสดุ AMS

 

X1C Combo

X1E ปรับปรุงจาก X1C ในด้านความปลอดภัยให้มากขึ้นเช่น ระบบกรองอากาศมาตรฐาน HEPA การเชื่อมต่อที่ปลอดภัยทาง Ethernet และปริ้นวัสดุวิศวกรรมได้ดีขึ้น

  1. ขนาดพื้นที่การพิมพ์ (Build Volume)
    • ประมาณ 256 × 256 × 256 มม.
    • เหมาะกับงานโมเดลขนาด กลาง ชิ้นส่วนอะไหล่ หรือของตกแต่ง
  2. ความเร็วในการพิมพ์
    • สูงสุด 300 mm/s 
    • อัตราเร่งสูงสุด 20,000 mm/s2
  3. อุณหภูมิหัวฉีดและฐานพิมพ์
    • หัวฉีด (Nozzle) ทำอุณหภูมิได้ 320 °C
    • ฐานพิมพ์ (Heated Bed) ทำอุณหภูมิได้ 100°C
    • ห้องพิมพ์ (Chamber) ทำอุณหภูมิได้ 60 °C 
    • รองรับวัสดุพื้นฐานหลากหลาย PLA, PETG, TPU, ABS, ASA, PET
      PC, PA,Carbon Fiber reinforce, Glass Fiber reinforce
    • ใช้เฟืองขับเส้นที่เป็นเหล็กชุบแข็ง ทนทานต่อวัสดุวิศวกรรม
  4. ระบบปรับระนาบฐาน
    • อัตโมมัติ พร้อม Lidar Sensor
  5. การเชื่อมต่อ
    • Wifi, Micro SD Card, Bambu Cloud, Ethernet
  6. รองรับระบบหลายวัสดุ AMS

 X1E Combo

ตารางเปรียบเทียบ Bambu Lab แต่ละรุ่น

Cart 0

Your cart is currently empty.

Start Shopping